วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ธุรกิจออกแบบตกเเต่งภายใน

ธุรกิจออกแบบเพลิดเพลินกับความต้องการที่แข็งแกร่งเป็นคนต่อไปที่จะซื้อหรือย้ายเข้าบ้านใหม่และคนเก่าสร้างใหม่ ตามนิตยสารบ้าน, ร้อยละ 46 ของชาวอเมริกันที่วางแผนที่จะประดับใหม่หรือสร้างใหม่ในอีกห้าปีเมื่อเทียบกับร้อยละ 35 ในก่อนหน้านี้ห้าปี
ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในเป็นไปออกจากบ้านของคุณประเภทของธุรกิจที่บ้าน ในขณะที่ทำด้านธุรกิจภายในบ้านส่วนใหญ่ของการขายจะทำที่บ้านของลูกค้าหรือที่ทำงานตามที่คุณประเมินพื้นที่, จับคู่ swatches สีให้กับเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่และหน้าต่างวัดสำหรับ draperies ฯลฯ
ธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในงานเมื่อแก้ปัญหาความงามและสถาปัตยกรรมเพื่อเสริมสร้างการตกแต่งภายในที่อยู่อาศัยพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรม ออกแบบตกแต่งภายในเป็นเขตใหญ่ที่มีด้านอื่น ๆ ของการตกแต่งภายในที่จัดการเช่นตกแต่ง, ตำแหน่งที่ถูกต้องของบทความรักษาสมดุลระหว่างรูปแบบสีโดยใช้เฟอร์นิเจอร์ขวา โดยไม่คำนึงถึงสไตล์ที่ได้รับการยอมรับสำหรับห้องพักก็ควรจะเห็นได้ว่าการออกแบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว นักออกแบบบางคนมักจะทำตามรูปแบบตามลักษณะระยะเวลาเช่นเดียวกับศิลปะระหว่างประเทศอินเดียและสไตล์วิคตอเรีย การออกแบบอย่างสมบูรณ์ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า แต่ละคนควรมีความยืดหยุ่นในรูปแบบของตัวเอง ของตกแต่งที่ใช้ในขณะที่การออกแบบจะถูกเลือกโดยทำให้รสชาติของผู้อยู่อาศัยในใจ
ความรู้สึกของการตกแต่งภายในการออกแบบและการตกแต่งมาอย่างเป็นธรรมชาติให้กับผู้ที่มีแง่คิดทางศิลปะของจิตใจ พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในรูปแบบของตัวเอง เพียงเพื่อประโยชน์ของเฉพาะด้านบางคนการออกแบบการศึกษาในระดับการสำเร็จการศึกษา; การตัดสินใจในเวลาต่อมาในชีวิตของพวกเขาที่จะไล่ตามมันเป็นอาชีพ มันเป็นชัดวิชาชีพเติบโตที่มีศักยภาพในการเติบโตมากในปีต่อ ๆ ออกแบบและตกแต่งมีมากขึ้นเป็นระบบและเป็นมืออาชีพในการทำงานของพวกเขาพวกเขารู้จักกันและรายละเอียดของข้อมูลนี้ทุก โดยเน้นที่การออกแบบของห้องสามัญที่อาศัยอยู่บริเวณห้องพักและห้องนอน
โดยทั่วไปจะเห็นได้ว่าคนมีสมาธิมากขึ้นในห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารเพราะพวกเขาคิดว่าสถานที่เหล่านี้มีความสำคัญมากขึ้น อย่างไรก็ตามขั้นตอนการออกแบบควรจะทำในลักษณะที่สวยงามสมบูรณ์ ออกแบบตกแต่งภายในเกี่ยวข้องกับการจัดการของทุกพื้นที่และการจัดวางทุกสิ่ง ในที่สุดก็มีให้เห็นว่าการออกแบบเป็นเรื่องง่ายที่น่าสนใจและสะดวกสบายมากขึ้นสำหรับการใช้ชีวิต

การเริ่มต้นธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในของคุณเอง

หลายคนชอบความคิดของการเริ่มต้นธุรกิจของตนเองเพื่อให้สามารถเป็นเจ้านายของตัวเอง สิ่งที่คนส่วนใหญ่ยากที่จะทำคือการค้นหาความคิดที่ดีสำหรับธุรกิจ ความคิดที่ดีที่สุดคือการทำสิ่งที่คุณสนุกกับการทำเช่นถ้าคุณเป็นออกแบบตกแต่งภายในแล้วทำไมไม่พิจารณาตั้งค่าการออกแบบทางธุรกิจของคุณเองภายใน
หากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจออกแบบตกแต่งภายในนั้นมีจำนวนมากที่คุณต้องดูและทำความเข้าใจก่อนที่คุณจะสามารถเริ่มต้นได้ ลองดูที่รูปแบบที่แตกต่างกันมากของโรงเรียนการออกแบบที่ออกมี คุณจะต้องตัดสินใจว่าบริการที่คุณจะเสนอ
คุณคิดว่าคุณเป็นศิลปินดีหรือไม่? คุณสามารถอยู่อาศัยสร้างใหม่หรือคุณสร้างสรรค์? คุณเพียงแค่ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีการกำหนดเพื่อใช้ในงานนี้ประสบความสำเร็จ
สิ่งสำคัญคือการใช้เวลาคิดเกี่ยวกับการกำหนดเวลาการทำงานของคุณใช้ส่วนบุคคลและภาระผูกพันอื่นใด หากคุณมีงานเต็มเวลาแล้วที่คุณอาจพบมันยากที่จะทำงานอยู่รอบ ๆ และการดำเนินธุรกิจของคุณเอง ดังนั้นคุณอาจต้องการมองหาชั้นเรียนที่มีความยืดหยุ่นและให้ท่านเลือกที่จะเรียนรู้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และช่วงเย็น ให้แน่ใจว่าคุณไม่เพียงจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับปูหน้าต่าง อีกสิ่งที่สำคัญที่คุณต้องพิจารณาเป็นอย่างไรห่างไกลโรงเรียนอยู่ห่างจากคุณซึ่งเป็นวิธีการที่คุณจะเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ มันจะใช้เวลานานเท่าไหร่? นี้จะรบกวนการทำงานของภาระผูกพันอื่น ๆ ของคุณหรือไม่
เมื่อคุณกำลังมองหาที่โรงเรียนที่แตกต่างกันที่มีอยู่และสถานที่ของพวกเขาแล้วคุณอาจเริ่มคิดว่าคุณจะไม่สามารถทำทุกอย่างที่คุณต้องการ ในกรณีนี้คุณต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ ไม่กี่คนที่แม้จะรำคาญที่จะคิดเกี่ยวกับโรงเรียนออกแบบออนไลน์เหล่านี้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับทุกคนที่มีภาระผูกพันที่จะบรรลุการศึกษาระดับปริญญาของพวกเขาและการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของคุณ
เมื่อคุณกำลังเปรียบเทียบออนไลน์โรงเรียนออกแบบตกแต่งภายในตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณจะระมัดระวังในขณะที่คุณจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้บริการจากโรงเรียนได้รับการรับรอง ถ้ายังไม่ได้รับการรับรองจากโรงเรียนแล้วนายจ้างจะไม่เกี่ยวกับคุณสมบัติของคุณเป็นอย่างมาก

ชั้นเรียนออนไลน์

มีข้อดีและข้อเสียมากมายกับโรงเรียนออนไลน์ แต่ยังมีปริมาณมากกับโรงเรียนทางกายภาพ คุณจะต้องตรวจสอบว่าคุณคิดว่าเกี่ยวกับปัญหาและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสามารถเอาชนะพวกเขาตรวจสอบให้แน่ใจว่าสิ่งที่คุณกำลังเลือกที่จะทำคือการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของคุณ จำข้อมูลไว้เพื่อให้คำปรึกษาครอบครัวและเพื่อนของคุณเป็นคนเหล่านี้จะได้รับผลกระทบ
ทางโรงเรียนจะดีมาก แต่คุณต้องเข้าร่วมในเวลาที่กำหนดนี้หมายความว่าคุณมีช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในหินซึ่งคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลง เวลาเรียนคือเมื่อมีการกำหนดไว้ถ้าคุณไม่สามารถทำให้แล้วคุณจะขาดเรียน หากคุณพลาดการเรียนมากเกินไปแล้วคุณจะไม่สามารถสำเร็จการศึกษา คุณอาจคิดว่าคุณจะไม่เคยขาดเรียน แต่ถ้ารถของคุณแตกหรือรถบัสที่จะสาย? มีมากมายเหตุผลทำไมคุณจะไม่ได้รับมี
ออนไลน์โรงเรียนออกแบบตกแต่งภายในควรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นคุณสามารถเข้าสู่ระบบและนั่งชั้นเรียนของคุณเมื่อใดก็ตามที่คุณมีอิสระ คุณสามารถทำงานได้ขึ้นอยู่กับตารางเวลาของคุณตราบใดที่คุณมือของคุณในการกำหนดเวลา ถ้าคุณมีจำนวนมากของภาระผูกพันอื่น ๆ แล้วนี้อาจจะมีตัวเลือกที่ดีที่สุด

ออกแบบตกแต่งภายในหรือมัณฑนากร?

American Society of Interior Designers กำหนดนักออกแบบตกแต่งภายในเป็นใคร”ผ่านการฝึกอบรมอย่างมืออาชีพเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมภายในการทำงานและคุณภาพ ที่ผ่านการรับรองผ่านการศึกษาจากประสบการณ์และจากการตรวจการออกแบบมืออาชีพสามารถระบุ, การวิจัยและการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และนำไปสู่สภาพแวดล้อมทางกายภาพมีสุขภาพแข็งแรงปลอดภัยและสะดวกสบาย.”
คำหลักที่นี่คือ”การฝึกอบรมอย่างมืออาชีพและมีคุณสมบัติ.”บอกให้เขียนตามระเบียบที่เฉพาะผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามหรือเกินระดับหนึ่งของการศึกษาได้รับการรับรองและในบางรัฐ, ผ่านการสอบคัดเลือกดำเนินการโดยสภาแห่งชาติสำหรับการออกแบบภายในคุณสมบัติสามารถใช้ชื่อ การออกแบบตกแต่งภายใน ใน 18 รัฐจะต้องได้รับอนุญาตก่อนจึงจะสามารถเรียกว่านักออกแบบตกแต่งภายใน
หากคุณไม่ได้มีคุณสมบัติและการศึกษาคุณยังคงสามารถทำงานในธุรกิจออกแบบตกแต่งภายใน แต่คุณจะเรียกตัวเองว่าเป็นมัณฑนากรแทน

ประเภทของการออกแบบตกแต่งภายใน

ธุรกิจการออกแบบเป็นหลายเหลี่ยมเพชรพลอย คุณสามารถทำงานเป็นนักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนหรือเป็นที่ปรึกษาด้านการออกแบบ
นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยเป็นมือเป็นนักออกแบบที่รวมเอางานของ conceptualizing ลักษณะของพื้นที่ที่กำหนดให้มีการตลาดที่หลากหลายของผลิตภัณฑ์ นี้เป็นเพลงทั่วไปของนักออกแบบเริ่มต้นขึ้น นักออกแบบมักตลาดสินค้าต่างๆและยังให้คำแนะนำการออกแบบฟรีหากลูกค้าซื้อสินค้าทุกจากเขาหรือเธอ ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขามักจะจัดไว้จำนวนหนึ่งชั่วโมงของการให้คำแนะนำการออกแบบฟรี แต่ถ้ามีเวลามากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็น, ค่าธรรมเนียมต่อชั่วโมงจะมีค่าบริการ นักออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยอัตราค่าบริการต่อชั่วโมงให้กับลูกค้าที่ขอคำปรึกษาของพวกเขา แต่ซื้อสินค้าจาก บริษัท อื่น หนักร้อยละของรายได้ของผู้ออกแบบจะถูกสร้างขึ้นจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
หากคุณได้ทำงานในธุรกิจมาเป็นเวลานานกับชื่อเสียงที่จัดตั้งขึ้นและรายชื่อยาวของลำดับที่คุณสามารถมุ่งเน้นนำเสนอบริการออกแบบให้คำปรึกษาแทน คุณจะไม่ขายหรือตลาดผลิตภัณฑ์ใด ๆ แต่จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกแบบของห้องหรือสำนักงาน คุณกำลังขายความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบของคุณและไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ใด ๆ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิศวกรโยธา


บทบาทของวิศวกรโยธา
ชื่ออาชีพ : วิศวกรโยธา Civil Engineer  
นิยามอาชีพ 
ผู้ปฎิบัติงานอาชีพนี้ ได้แก่ผู้วางแผน จัดระบบงานและควบคุมงานสร้างถนน สะพาน อุโมงค์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งต่างๆ ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ตลอดจน การติดตั้งการใช้ และการบำรุงรักษาระบบไฮดรอลิก และระบบสุขาภิบาล ทำการตรวจตรา และทดสอบทำงานวิจัยและให้คำแนะนำทางเทคนิคต่างๆ
ลักษณะของงานที่ทำ :

1. วางแผน จัดระบบงาน และควบคุมงานสร้างถนน สะพาน อุโมงค์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งต่างๆ 
2. ทำงานเกี่ยวกับการก่อสร้างอาคาร ตลอดจนการติดตั้ง การใช้ และการบำรุงรักษาระบบไฮดรอลิก
และระบบสาธารณสุขอื่นๆ 
3. พิจารณาโครงการ และทำงานสำรวจเพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการก่อสร้าง 
4. สำรวจและประเมินลักษณะ และความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศ ทางบก และทางน้ำเพื่อพิจารณาว่าจะมีผลต่อโครงการอย่างไรบ้าง 
5. สำรวจดูพื้นผิวดินและใต้ผิวดินว่าจะมีผลต่อการก่อสร้างอย่างใด และเหมาะสมที่จะรองรับ สิ่งก่อสร้างเพียงใด 
6. ปรึกษา หารือในเรื่องโครงการกับผู้ชำนาญงานสาขาอื่นๆ เช่น วิศวกรไฟฟ้า หรือวิศวกรช่างกล วางแผนผังรากฐาน ท่อสายไฟ ท่อต่างๆ และงานพื้นดินอื่นๆ คำนวณความเค้น ความเครียด จำนวนน้ำ ผลอันเนื่องมาจากความ
7. แรงของลมและอุณหภูมิ ความลาด และเหตุอื่นๆ 
8. เตรียมแบบแปลนรายงานก่อสร้าง และจัดทำประมาณการวัสดุและประมาณการราคา
9. เลือกชนิดของเครื่องมือขนย้ายดิน เครื่องชักรอก เครื่องจักรกล และเครื่องมืออื่นๆ ที่จะใช้ในงานก่อสร้าง 
10. จัดทำตารางปฎิบัติงานและควบคุมให้การปฎิบัติงานไปตามแผนที่วางไว้ ทดสอบ และตรวจดูโครงสร้างทั้งเก่า และใหม่ ตลอดจนวางแผนและจัดระบบงานซ่อม 
 สภาพการทำงาน :
สถานที่ทำงานของวิศวกรโยธาจะมีสภาพเหมือนที่ทำงานทั่วไป คือ เป็นสำนักงานที่มีอุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกเช่นสำนักงานทั่วไป แต่โดยลักษณะงานที่จะต้องควบคุมงานสำรวจ ก่อสร้าง หรือซ่อมแซม จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจดูงานนอกสถานที่ในบางครั้ง เนื่องจากต้องควบคุมดูแลงานให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับงานหรือสถานที่ทำงานที่เสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย ในการทำงาน วิศวกรโยธาจึงต้องใช้อุปกรณ์คุ้มครองส่วนบุคคลในขณะปฏิบัติงาน 


 
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ ผู้ประกอบอาชีพนี้ ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้  :

      1. สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมโยธา 
      2. เป็นผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งมั่น ค้นคว้าอย่างต่อเนื่องเพื่อหาวิธีที่ประหยัด และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น 
      3. มีวิสัยทัศน์ และสนใจกับเหตุการณ์ ข่าวสารที่เกิดขึ้นตลอดเวลา รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และมีจรรยาบรรณของวิศวกร
      4. มีความอดทนและเข้มแข็งทั้งร่างกาย และจิตใจ มีอารมณ์เยือกเย็น มีความคิดสุขุม 
      5. มีลักษณะเป็นผู้นำ ทั้งนี้งานส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการควบคุมคนเป็นจำนวนมาก 
      6. มีพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์เป็นอย่างดี  
      7. ผู้ประกอบอาชีพวิศวกรในทุกสาขาควรจะมีใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมเพื่อใช้ใน การรับรองสำหรับการประกอบอาชีพ ซึ่งต้องมีคุณสมบัติ และวุฒิการศึกษาตามข้อกำหนด โดยจะขอรับใบอนุญาตได้ที่ กองวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สังกัดในกระทรวงมหาดไทย 



ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : 
ต้องเป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สาขาวิทยาศาสตร์ หรือประกาศนียบัตรวิชาชีพจากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรองวิทยฐานะ เพื่อเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาระยะเวลาการศึกษา 4 ปี เมื่อสำเร็จ การศึกษาแล้วจะได้ปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (วศ.บ.) ในสาขาวิศวกรโยธา หรือ เป็นผู้สำเร็จ การศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง ที่ศึกษาเกี่ยวกับทางด้านช่างจากสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการรับรอง วิทยฐานะ เพื่อเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ระยะเวลาการศึกษา 2 ปี (หลักสูตรต่อเนื่อง) เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้ปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต (วศ.บ.) ในสาขาวิศวกรโยธา
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ :
ผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรโยธาหากทำงานเพิ่มประสบการณ์ และได้รับการอบรมในวิชาที่ เกี่ยวข้อง และมีความสามารถในการบริหาร ก็สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้บริหารโครงการได้สำหรับผู้ที่ศึกษาเพิ่มเติมถึง ขั้นปริญญาโท หรือปริญญาเอก สามารถที่จะเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทั่วไปได้

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2557

ค่าบริการงานออกแบบ (ใชถึง 31 / 3 / 57 เท่านั้น)

ค่าบริการงานออกแบบ
1.งานคำนวณออกแบบงานวิศวกรรมโครงสร้างในขอบเขตของภาคีวิศวกร
1.1 บ้านพักอาศัยความสูงไม่เกิน 4 ชั้น (โดยที่ความสูงชั้นใดชั้นหนึ่งไม่เกิน 5.00 เมตร)
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง(ตร.ม.ละ) 20 บาท
1.2 สระว่ายน้ำ , บ่อน้ำ (ความลึกไม่เกิน 2.50 เมตร)
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง(ลบ.ม.ละ) 40 บาท
1.3 รั้ว โครงสร้าง คสล.
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (เมตร.ละ) 10 บาท
1.4 กำแพงกันดิน (ความสูงไม่เกิน 2.50 เมตร)
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (ตร.ม.ละ) 100 บาท
1.5 ถนน คสล.
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (ตร.ม.ละ) 10 บาท
1.5 กรณีโครงการจัดสรร หลังที่ 2 และ/หรือกรณีพลิกแบบคิดค่าบริการ 50% ของหลังแรก
1.6 ค่าดำเนินการ และค่าวิชาชีพ เพิ่มเติมจากข้อ 1.1 - 1.5 สำหรับอาคารสูงไม่เกิน 2 ชั้น (งานละ) 2,000 บาท
1.7 ค่าดำเนินการ และค่าวิชาชีพ เพิ่มเติมจากข้อ 1.1 สำหรับอาคารสูง 3 ชั้น (งานละ) 3,000 บาท
1.8 ค่าดำเนินการ และค่าวิชาชีพ เพิ่มเติมจากข้อ 1.1 สำหรับอาคารสูง 4 ชั้น (งานละ) 4,000 บาท
1.9 กรณีโครงการจัดสรรค่ารับรองการออกแบบหลังที่ 3 และ/หรือหลังถัดไป (หลังละ) 2,000 บาท
2.งานคำนวณออกแบบงานวิศวกรรมโครงสร้างในขอบเขตของสามัญวิศวกร
2.1 บ้านพักอาศัยความสูงไม่เกิน 4 ชั้น (โดยที่ความสูงชั้นใดชั้นหนึ่งเกิน 5.00 เมตร) , บ้านพักอาศัยความสูงเกิน 4 ชั้น , อาคารอยู่อาศัยรวม อพาร์ทเมนต์ , ห้องชุด , อาคารเก็บสินค้า ,โรงงาน , อาคารพานิชย์ , อาคารสาธารณะ , กำแพงกันดิน/สระน้ำ (ความสูงเกิน 2.50 เมตร)
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (ตร.ม.ละ) 20 บาท (เริ่มต้น 10,000 บาท และ/หรือชั้นละ 5,000 บาท)
2.2 ลิฟท์โดยสาร
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (ชั้นละ) 1,000 บาท (เริ่มต้น 5,000 บาท)
2.3 ป้ายโฆษณา (พื้นที่โฆษณารวม)
• ค่าบริการคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง (ตร.ม.ละ) 100 บาท (เริ่มต้น 20,000 บาท)
2.4 งานตรวจสอบแบบ หรือตรวจสอบรายการคำนวณ งานวิศวกรรมโครงสร้าง (ตร.ม.ละ) 10 บาท (เริ่มต้น 5,000 บาท)
2.5 งานตรวจสอบแบบ หรือตรวจสอบรายการคำนวณ งานวิศวกรรมสุขาภิบาล (ตร.ม.ละ) 5 บาท (เริ่มต้น 5,000 บาท)
3.งานประมาณราคาค่าก่อสร้าง
• ค่าบริการงาน ประมาณราคาค่าก่อสร้าง (ตร.ม.ละ) 20 บาท (เริ่มต้น 4,000 บาท)
4.งานควบคุมการก่อสร้าง
4.1 งานควบคุมงานสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และ/หรือเดือนละไม่เกิน 5 ครั้ง
• ค่าบริการ ควบคุมงาน (ตร.ม.ละ/เดือน) 20 บาท (เริ่มต้น 8,000 บาท/เดือน)
4.2 งานควบคุมงานสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และ/หรือเดือนละไม่เกิน 10 ครั้ง
• ค่าบริการ ควบคุมงาน (ตร.ม.ละ/เดือน) 30 บาท (เริ่มต้น 12,000 บาท/เดือน)
4.3 กรณีมีความประสงค์ให้ปฏิบัติงานเป็นครั้งคราว ค่าบริการ ควบคุมงาน (ครั้งละ) 2,000 บาท
4.4 กรณีเซ็นต์รับรองการควบคุมงาน ตาม พรบ.ควบคุมอาคาร (ตร.ม.ละ) 100 บาท
5.รายละเอียดการดำเนินการ
5.1 งานคำนวณออกแบบ และเขียนแบบ
5.1.1 คำนวณออกแบบ และเขียนแบบ งานในสาขาวิศวกรรมโยธา
5.1.2 ลงนามรับรอง เฉพาะการออกแบบเท่านั้น (ไม่รวมการควบคุมงาน)
51.3 สามารถแก้ไขงานได้ตลอดก่อนส่งเล่มรายการคำนวณ
51.4 หากมีการแก้ไขหลังจากส่งเล่มรายการคำนวณแล้วคิดค่าบริการในการทำเล่มรายการคำนวณใหม่ครั้งละ 2,000 บาท
5.2 งานประมาณราคาค่าก่อสร้าง
5.2.1 แสดงรายการในรูปแบบ ปริมาณ และราคา
5.2.2 หมวดงานระบบประปาสุขาภิบาล และระบบไฟฟ้าสื่อสาร เสนอรายการ ต่อจุด , ตำแหน่ง (ไม่คิดเป็นความยาว หรือปริมาณ)
5.2.3 ราคาค่าวัสดุ และค่าแรง เป็นราคากลางของผู้ทำรายการเท่านั้น ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละพื้นที่ และคุณภาพของงาน
5.3 งานควบคุมการก่อสร้ง
5.3.1 จัดทำ MASTER SCHEDULE แผนงานต้นแบบของโครงการก่อสร้าง
5.3.2 จัดทำ MONTLY REPORT รายงานความก้าวหน้าประจำเดือน (ส่งทุก 1 เดือน)
5.3.3 จัดทำ CHECK LIST รายการตรวจสอบความถูกต้อง และคุณภาพงาน เมื่อมีการดำเนินการงานนั้นๆ
5.3.4 พิจารณาตรวจสอบการเบิกงวดงานของผู้รับเหมา ให้ได้ปริมาณตามงวดงานในสัญญา
5.3.5 ให้คำปรึกษาระหว่างก่อสร้างแก่เจ้าของอาคาร และผู้รับเหมา
5.3.6 แก้ไขแบบก่อสร้างเบื้องต้นพร้อมวิธีการดำเนินการ (ในกรณีมีงานเปลี่ยนแปลงระหว่างก่อสร้าง)
6. คัวอย่างการเสนอราคาค่าวิชาชีพ เฉพาะงานคำนวณ ออกแบบ และเขียนแบบงานวิศวกรรมโครงสร้าง พร้อมรับรองการออกแบบ
6.1 บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น (ความสูงชั้นใดชั้นหนึ่งไม่เกิน 5.00 เมตร) พื้นที่ใช้สอย 300 ตร.ม.
• ค่าออกแบบ = 300 x 20 = 6,000 บาท
• ค่าดำเนินการ และวิชาชีพ 2,000 บาท
• รวมค่าออกแบบทั้งสิ้น = 8,000 บาท
6.2 ทาวเฮาส์สูง 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 120 ตร.ม./ห้อง จำนวน 6 ห้อง/แถว
• ค่าออกแบบ = 120 x 6 x 20 = 14,400 บาท
• ค่าดำเนินการ และวิชาชีพ 2,000 บาท
• รวมค่าออกแบบทั้งสิ้น 16,400 บาท
6.3 อพาร์ทเมนต์สูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 900 ตร.ม. พร้อมลิฟท์โดยสาร
• ค่าออกแบบอาคาร = 900 x 20 = 18,000 บาท
• เริ่มต้น 10,000 บาท และ/หรือชั้นละ 5,000 บาท = 5,000 x 4 = 20,000 บาท
• ดังนั้นค่าออกแบบ อาคาร = 20,000 บาท
• ค่าออกแบบลิฟท์ = 1,000 x 4 = 4,000 บาท
• เริ่มต้น 5,000 บาท = 5,000 บาท
• ดังนั้นค่าออกแบบ ลิฟท์โดยสาร = 5,000 บาท
• รวมค่าออกแบบทั้งสิ้น = 25,000 บาท
6.4 อาคารโรงงาน พื้นที่ใช้สอย 1,500 ตร.ม.
• ค่าออกแบบทั้งสิ้น = 1,500 x 20 = 30,000 บาท

รายละเอียดด้านบนจะได้รับบริการจนถึง 31/3/57 เท่านั้นครับ ส่วนอัตราค่าบริการใหม่ยังอยู่่ภายใต้การพิจารณาของคณะทำงานครับ
ขอบคุณทุกท่าที่ใช้บริการของเราครับ
ณัฐพงศ์ ดาวเรือง

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

มารู้จักรอยร้าวบ้านแต่ละประเภทกัน



เรื่องรอยร้าวที่เกิดขึ้นภายในบ้าน เป็นอะไรที่สั่นคลอนขวัญเจ้าของบ้านได้ทุกครั้งที่เห็น  ที่ต้องมาลุ้นว่าบ้านจะทรุด ยุบ พัง ถล่มลงมาอย่างที่เคยเห็นเป็นข่าวมาแล้วหรือไม่  หรือจะเป็นเพียงร้อยร้าวที่เพียงแค่ทำให้บ้านเราสวยน้อยลงแต่ไม่เป็นปัญหากับตัวโครงสร้างอย่างไร
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เผอิญได้อ่านหนังสือ “3 ร้อยพันบริหาร จากอีเมลล์ของยอดเยี่ยมที่อาจารย์ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ เขียนขึ้นเพื่อรวบรวมเอาอีเมลล์เรื่องราวต่างๆ ที่เคยส่งให้กับลูกศิษย์ลูกหาหลายคน และตอนหนึ่งท่านเขียนถึง รอยร้าวชนิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้ในภายในบ้านหรืออาคารซึ่งมีได้ 20 ประเภท ปัญหาเรื่องรอยร้าวนี้ อาจารย์ยอดเยี่ยมบอกว่าจะมีคำถามเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ไป จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีบ้านหลังไหนใดเมืองไทยไม่มีรอยร้าว ก็ไม่น่าจะผิด"
ในหนังสือ อาจารย์เลือกพูดถึงรอยร้าว ๖ ประเภท ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับรอยร้าวที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา  โดยกล่าวถึงสาเหตุและเสนอวิธีแก้ปัญหาของรอยร้าวที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวบ้านและสังคม  AKANEK ขอไม่พูดถึงเรื่องบ้านเมือง แต่เนื่องจากเห็นว่าเรื่องรอยร้าวนั้นน่าสนใจเพราะเป็นปัญหาคาใจของหลายๆ คน จึงขออนุญาตอาจารย์ยอดเยี่ยมนำเนื้อหาเรื่องรอยร้าวที่พบบ่อยในบ้านมาเผยแพร่ต่อ เผื่อว่าใครกำลังมีปัญหาบ้านร้าว จะได้ทราบว่ารอยร้าวที่มีนั้น มีที่มาที่ไป และวิธีแก้ไขอย่างไร
รอยร้าวทั้ง 6 ประเภทที่อาจารย์พูดถึงคือ
     รอยร้าวกลางคาน มักจะเกิดจากอะไร อันตรายถึงชีวิตหรือไม่     
รอยร้าวเป็นสิ่งคู่บ้านคู่อาคาร เพราะแทบจะไม่มีอาคารบ้านเรือนหลังไหนเลยที่จะไม่มีรอยร้าว แต่รอยร้าวบางอย่างเป็นรอยร้าวที่อาจจะมีอันตรายกับเราได้
เช่น รอยร้าวที่กลางคาน ที่เป็นรอยร้าวอันเกิดขึ้นจากคอนกรีต ไม่ใช่ปูนฉาบที่มีรอยร้าวเป็นแนวตั้ง ตั้งฉากกับแนวนอนของคานที่ตรงกลางของคาน หากร้าวมากหน่อยจะเห็นเป็นรอยร้าวที่ด้านใต้คาน จะกว้าง (อ้า) มากกว่าตอนช่วงบนของคาน

อาการแบบนี้แสดงว่า คานตัวนั้นต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ จึงเกิดการแอ่นตัวลงมาเป็นแนวโค้ง พอแอ่นตัวก็จะทำให้คอนกรีตแตกแยกออกเป็นรอยที่เห็น สิ่งที่น่าจะทำแรกสุดก็คือวิ่ง (เบาๆ) ขึ้นไปดูข้างบนว่าตรงบริเวณของคานตัวนั้น เราวางอะไรหนักๆ ทับเอาไว้หรือไม่ หากวางของหนักเอาไว้ ก็ต้องรีบเอาน้ำหนักนั้นออกโดยเร็วและคานจะมีโอกาสกลับเข้าที่เดิมได้บ้าง แต่หากสำรวจแล้ว ไม่มีน้ำหนักอะไรวางไว้เป็นกรณีพิเศษเลย ก็แสดงว่าคานตัวนั้นอาจจะรับน้ำหนักของระบบโครงสร้างของตัวเองก็ยังไม่ได้ ปัญหาจึงอาจจะไม่ได้อยู่ที่การใช้งานของเรา ต้องมีการตรวจสอบโดยผู้รู้ต่อไป
ปัญหาการผิดปกติของโครงสร้างนี้ เป็นสาเหตุเริ่มต้นของอาคารวิบัติ กรุณาอย่านิ่งนอนใจ ต้องปรึกษากับวิศวกรโครงสร้างเสมอ เพื่อประโยชน์สุขของตัวเราเอง

      รอยร้าวเฉียงๆ ที่ผนังจากมุมล่างซ้ายไปมุมขวาบน (หรือกลับกัน)      
รอยร้าวแบบนี้แสดงว่าโครงสร้างมีการบิดตัว มักจะเกิดเพราะเสาของบ้านเรามีการทรุดตัวที่แตกต่างกัน และคานที่รัดเสาก็พยุงเสาเอาไว้ให้อยู่ในระนาบเดียวกันไม้ได้ อาจจะเป็นเสาซ้ายมือทรุดตัวมากกว่าเสาขวามือ หรือเสาขวามือทรุดตัวลงมากกว่าเสาซ้ายมือก็ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ เสาที่ทรุดลงก็พยายามจะดึงโครงสร้างอื่นให้ตามลงไป ส่วนโครงสร้างอื่นก็ไม่ค่อยจะยอมตามไปง่ายๆ ผนังซึ่งเป็นตัวกลางของการชักเย่ออยู่ก็เลยทนไม่ไหว เกิดอาการแตกร้าวขึ้น


การแตกร้าวแบบนี้ หากเป็นรอยเพียงเล็กๆ สั้นๆ ก็ยังไม่เป็นไร แต่ต้องเอาดินสอขีดกาเอาไว้ (พร้อมลงวันที่) เพื่อบันทึกว่าจะมีการแตกร้าวขยายตัว (ทั้งทางยาวและทางกว้าง) หรือไม่ หากการแตกร้าวนั้นหยุดตัวไม่ขยายออกไป ก็ไม่เป็นอันตรายอะไรนักหนา แต่ถ้าหากว่ารอยแตกร้าวนั้นมีอาการลามตัวอย่างรวดเร็ว และเป็นรอยที่กว้างและยาว (บาครั้งจะเห็นอิฐของผนังโผล่ออกมาเป็นก้อนเชียว) ก็แสดงว่าอาคารบ้านเรือนของเรา ป่วยเป็นไข้ไม่เบาแล้ว รีบไปปรึกษาหาทางแก้ไขกับวิศวกรโครงสร้างดีกว่า
การป่วยไข้ของงานโครงสร้าง หรือการมีพฤติกรรมไม่ปกติของตัวบ้านของเรา เราต้องอย่าพยายามเอาอะไรไปปกปิดร่อยรอยเหล่านั้น เพราะไม่ได้ช่วยให้เกิดความปลอดภัยขึ้น

      เห็นรอยร้าวที่หัวเสา ต้องรีบไปทำประกันชีวิตกี่บาท     
รอยร้าวที่นับว่าเป็นอันตรายที่สุดอย่างหนึ่งในบ้านของเราก็คือ รอยร้าวลักษณะเฉียงๆ ที่หัวเสา ตรงส่วนที่คานไปติดกับเสาทั้งสองด้าน อาจจะเป็นรอยเฉียงๆที่ปลายคานหรือที่หัวเสาเลยก็ได้

อาการแบบนี้ แสดงว่าโครงสร้างของอาคาร (คอนกรีตเสริมเหล็ก) ในแต่ละส่วนกำลังแยกออกจากกัน แยกกันทำงาน ไม่เชื่อมประสานกัน คานและเสาซึ่งเคยถักทอเป็นโครงสร้างใหญ่ กำลังแยกออกจากกัน ต่างคนต่างอยู่ อาคารวิบัติที่ถล่มลงมา มักเกิดอาการเช่นนี้ให้เห็นก่อนเสมอ
เมื่อคานโครงสร้างตัวนั้น (ตัวที่มีรอยออกจากหัวเสา) ไม่สามารถจะรับน้ำหนักได้ เกิดแรงเฉือนขึ้น และคานอาจจะหลุดออกจากหัวเสา ครั้นเมื่อคานหลุดออกจากหัวเสา ระบบโครงสร้างก็วิบัติ อาจจะทำให้อาคารทั้งหลังพังราบลงมานอนกับพื้น และอาจจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเราหนีออกจากบ้านไม่ทัน
หากเราเห็นอาการร้าวแบบนี้แล้ว มีสองทางเงือกสำหรับเรา ทางเลือกแรกก็คือ รีบวิ่งไปติดต่อกับบริษัทประกันชีวิตไว้ เพื่อไม่ให้คนรุ่นหลังต้องลำบากเรื่องทรัพย์สิน หรือทางเลือที่สองก็คือ รีบไปปรึกษาวิศวกรโครงสร้าง ให้ท่านมาตรวจอาการให้คำแนะนำและแก้ไขอย่างทันท่วงที

      ร้าวแตกเป็นลายยังกับชามสังคโลก อันตรายแค่ไหน      
ส่วนใหญ่อาการนี้มักจะเกิดตามผนังฉาบปูน รอยแตกร้าวจะกระจายเต็มไปหมดเหมือนกับรอยแตกของถ้วยสังคโลก รอยแตกร้าวแบบนี้ส่วนใหญ์จะไม่มีอันตราย แต่มักจะทำอารมณ์เสียเพราะความไม่น่าดู หรืออาจจะเป็นตัวเชื้อเชิญน้ำให้ซึมผ่านหนังนอกบ้านให้เข้ามาในตัวบ้านเราได้

ปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดเพราะปูนฉาบคุณภาพไม่ดี หรือช่างฉาบปูนไม่มีความชำนาญ หรือเร่งฉาบปูนเกินไปเมื่อก่ออิฐเพิ่งเสร็จ (และปูนสอก้อนอิฐยังไม่เซ็ทตัว)
ลองเคาะดูที่ผิวปูนฉาบนั้น หากมีเสียงเป็นโพรงแสดงว่า ปูนฉาบไม่เกาะกับผนังและพร้อมที่จะหลุดร่วงลงมา หากเกิดปัญหานี้อย่าเอาปูนซีเมนต์ไปอุดรอยหรือไล้บางๆเด็ดขาด เพราะเจ้าปูนก็จะหลุดร่วงลงมาอีก ต้องทำการสกัดผิวปูนฉาบเดิมออกแล้วฉาบปูนใหม่ทับลงไป แต่หากเคาะแล้ว ไม่มีเสียงโปร่งๆ ยังคงเป็นเสียงทึบๆ แสดงว่าเจ้าปูนฉาบยังเกาะกับผิวผนังดีอยู่ ไม่หลุดออกจากกัน รอยแตกร้าวนั้นน่าจะเป็นรอยแตกร้าวเพียงที่ผิวของปูนฉาบเท่านั้น การที่เราจะไปทุบปูนฉาบเดิมออกแล้วฉาบใหม่อาจจะเป็นเรื่องใหญ่และยุ่งยาก ก็อาจจะแก้ไขกันที่ปลายเหตุได้ด้วยการทาสีใหม่ทับลงไป โดยให้ช่างสีโป๊ว (แบบการโป๊วสีรถยนต์) ให้เรียบร้อยก่อน อาการเหล่านี้ก็จะดียิ่งขึ้น
      รอยร้าวเฉียงๆ ที่มุมวงกบประตู      
รอยร้าวที่มักจะเกิดที่มุมวงกบประตูหน้าต่างเป็นรอยเฉียงๆ พุ่งออกไปจากมุมของวงกบ บางทีก็มีสองมุม บางครั้งก็มีครบทั้งสี่มุมเลย

อาการแบบนี้มักไม่มีอันตรายอะไร แต่จะเป็นจุดที่เชื้อเชิญน้ำอันไม่พึงประสงค์เข้ามาในบ้าน ดูไม่สวยงาม และหากแตกมากๆ ก็จะเกิดอาการวงกบบิดตัวบานประตู หน้าต่างตก จะปิดจะเปิดประตูหน้าต่างแต่ละครั้ง ไม่ลื่นคล่องมือ อย่างที่เคยเป็น
วิธีการป้องกันเหตุไม่ให้เกิดก็คือ ต้องทำเสาเอ็นทับหลังให้ถูกต้อง การฉาบปูนจะต้องได้คุณภาพทั้ง วัสดุผสมและความหนา
แต่หากเหตุเกิดขึ้นแล้วแต่เป็นรอยไม่ใหญ่นัก ก็อาจจะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุด้วยการเอาวัสดุยาร่อง ที่ยืดหยุ่นได้ไปฉีดอัดเสีย (เช่น พวกซิลิโคน หรืออะคริลิค) หากรอยนั้นใหญ่พอประมาณแล้ว ก็อาจจะต้องสกัดรอยแตกนั้น แล้วอุดยาด้วยวัสดุที่ไม่หดตัว เช่น ปูนซีเมนต์พิเศษชนิดไม่ยืดหดตัว (Non Shrink Cement) อุดไว้แล้วฉาบปูนใหม่ (อย่าใช้ปูนทรายธรรมดา เพราะเมื่อแห้งแล้วจะมีการหดตัว ทำให้เกิดร่องของการแตกร้าวได้อีก)

      ไม่เข้าใจบางพลี-ดอนเมือง ร้าวจนพัง สร้างบ้านเหมือนกันที่บางพลีและดอนเมือง ใช้เข็มยาวเท่ากัน?     
การที่เราตอก (หรือเจาะ) เสาเข็ม ก็เพื่อให้เสาเข็มนั้นช่วยรับน้ำหนักของบ้านเสาเข็มนั้นรับน้ำหนักได้ ก็เพราะตรงผิวของเข็มนั้นมีแรงฝืดที่เสียดทานกับดินรอบๆ ตัวเข็ม แต่ถ้าหากเป็นเข็มที่มีความยาวมากหน่อย ปลายเข็มก็จะไปนั่งอยู่บนชั้นทรายหรือชั้นดินแข็ง ทำให้เข็มนอกจากจะรับน้ำหนักได้ด้วยแรงผืดแล้ว ยังมีการถ่ายน้ำหนักไปที่ชั้นทรายด้วย จึงทำให้เข็มยาวๆ สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น
แต่การพิจารณาการรับน้ำหนักของเสาเข็ม จะพิจารณาเฉพาะขนาดหรือความยาวของเสาเข็มไม่ได้ ต้องพิจารณาถึงสภาพของดินที่จะทำการก่อสร้างนั้นด้วย

ในกรณีของบางพลีและดอนเมืองนั้น ต้องพิจารณาคำไทยโบราณคงพอได้ความรู้สึกว่า ดอนจะเป็นพื้นที่ที่เป็นดอน ไม่ค่อยมีน้ำหรือดินเหลวๆ แต่ประเภท หนองหรือ บางจะเป็นที่มีน้ำ หรือยู่ติดน้ำ ทำให้ลักษณะดินพื้นฐานจะมีความแตกต่างกัน โดยข้อมูลที่บันทึกเอาไว้จะพบว่า ดอนเมืองจะมีดินที่รับน้ำหนักได้มากกว่าบางพลี เพราะมีดินที่แน่นกว่า อีกทั้งชั้นทรายหรือดินแข็ง ของดอนเมืองก็จะอยู่ตื้นกว่าบางพลี ทำให้เข็มขนาดเดียวกันที่เหมาะสมกับการรับน้ำหนักที่ดอนเมือง จะไม่เพียงพอหากไปก่อสร้างที่บางพลี เพราะลักษณะดินที่บางพลีรับน้ำหนักสู้ดอนเมืองไม่ได้ (บางพลีต้องการเข็มที่ยาวกว่า) มิฉะนั้นจะเกิดการ แตกร้าวหรือเกิด อาคารวิบัติได้โดยไม่รู้ตัว

ขอบคุณอาจารย์ยอดเยี่ยม เทพทรานนท์ ที่อนุญาติให้นำบทความมาเผยแพร่เป็นวิทยาทานเพื่อประโยชน์สุขของสาธารณชนครับ